ระบบผสมสีที่รองรับงานใช้สีได้หลากหลายและครอบคลุมทุกอุตสาหกรรม
ในระบบพ่นสีที่ซับซ้อนและตัวสีที่นำมาใช้ต้องมีคุณสมบัติพิเศษอย่างสี 2K ที่การใช้ระบบจ่ายสีแบบทั่วไปไม่สามารถสร้างประสิทธิภาพการพ่นสีออกมาได้อย่างเต็มที่ WAGNER ได้คิดค้นและสร้างระบบผสมสีที่อำนวยความสะดวกในการทำงานและสร้างความหลากหลายในการใช้งานกับสีที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันในแต่ละอุตสาหกรรมเพื่อให้ผลลัพท์การเคลือบผิวออกมาสมบูรณ์แบบและต่อเนื่องตลอดการทำงาน
WAGNER 2K Mixing system หรือระบบผสมสี 2K ของ WAGNER ในปัจจุบันได้พัฒนาจนเลยขีดจำกัดสี 2K ไปแล้วยังสามารถใช้สีที่มีองค์ประกอบมากกว่าอย่าง 3K และ 4K ได้อีกโดยทำให้สีที่จ่ายออกมามีคุณสมบัติเป็นเนื้อเดียวและคุณภาพเท่า ๆ กันเมื่อถูกนำไปใช้เคลือบผิวแล้วนั้นเอง
สีที่มีหลายองค์ประกอบในเนื้อเดียวกันสามารถสร้างสรรค์คุณสมบัติพิเศษได้มากกว่าสีทั่วไปและมีประสิทธิภาพการเคลือบผิวและความทนทานที่สูงกว่าแต่การจะนำองค์ประกอบต่าง ๆ มาผสมกันให้ออกมาเป็นเนื้อเดียวกันและมีคุณสมบัติตรงตามที่กำหนดจำเป็นต้องใช้เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพและอุปกรณ์ของ WAGNER ช่วยตอบโจทย์สิ่งเหล่านี้ได้แน่นอน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมหนักอย่างโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ โรงงานผลิตยานพาหนะ เครื่องจักรและอุตสาหกรรมหนักอื่น ๆ ต่างก็ต้องใช้สีประเภทนี้และอุปกรณ์ของ WAGNER สามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไม่มีปัญหาแน่นอน

ระบบผสมสี 2K แบบเอกเทศ (Twin Control)

ระบบผสมสีแบบเอกเทศรุ่น Twin Control
รู้จักกับสีที่มีหลายองค์ประกอบ
WAGNER ได้พัฒนาเครื่องรุ่นใหม่ที่สามารถผสมสีได้มากกว่า 2 องค์ประกอบไปแล้วและยังมีเครื่องที่รองรับการใช้สีหลายสีได้พร้อมกันในระบบเดียวกันได้อีก แต่เพื่อให้เห็นภาพว่าสีหลายองค์ประกอบมีลักษณะเป็นยังไง เราขอนำเสนอสี 2 องค์ประกอบและการทำงานแบบพื้นฐานให้ดูเพื่อจะได้เข้าใจระบบการทำงานได้มากขึ้น
2K คือสีที่มีองค์ประกอบมาจากเคมี 2 ส่วนซึ่งคำว่าส่วนประกอบในสี 2K จะกำหนดมาเลยว่าส่วนที่ 1 คือสีและส่วนที่ 2 คือสารเร่งปฏิกิริยาแข็งตัวหรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า Hardener
ซึ่งสารตัวที่ 2 นี้เองทำให้สีมีความหนืดสูงและแข็งตัวเร็วขึ้นเพราะการเร่งให้แข็งตัวของมันนี่เองทำให้มีข้อดีที่ฟิล์มจะเกาะผิวชิ้นงานได้ดีกว่าสีธรรมดาและทนต่อมลภาวะต่าง ๆ ได้ดีกว่าแต่หากอุปกรณ์และระบบผสมสีไม่ได้ออกแบบมาให้ผสมกับสี 2K อาจก่อปัญหาเช่นสีแข็งตัวค้างในอุปกรณ์จนสร้างความเสียหายได้
ระบบผสมสีตัวพื้นฐานจะถูกออกแบบให้มีลักษณะพื้นฐานคือติดตั้งปั๊มจ่ายสีทั้งหมด 3 ปั๊มโดยปั๊ม 2 ตัวหลักคือแยกไว้สำหรับสีและสารแข็งตัวซึ่งในที่นี้จะเรียกเป็นสาร A และสาร B เพื่อความชัดเจนในการระบุ ในขณะที่ปั๊มตัวสุดท้ายเป็นตัวจ่ายสารล้าง (Cleaning Agent) เพื่อไม่ให้สี 2K ตกค้างในระบบแก้ปัญหาสีแข็งตัวได้ ตามภาพตัวอย่างด้านล่าง
การทำงานของระบบผสมสี 2K (ระบบพื้นฐาน)
3
สาร A
(สี)
สารล้าง



ตัวจ่ายไฟฟ้า
ปั๊มลม
1
1
2
4
5
สาร B
(สารแข็งตัว)
6
ถังน้ำทิ้ง

ปืนพ่นสี
1. จ่ายไฟฟ้าและแรงอัดลมเข้าไปที่ระบบผสมสี 2K
2. สาร A ให้เป็นตัวแทนสี จ่ายเข้าไปที่ปั๊ม A
3. สาร B ให้เป็นตัวแทนสารเร่งปฏิกิริยาแข็งตัว จ่ายเข้าไปที่ปั๊ม B
4. สารล้างจ่ายเข้าไปที่ปั๊มตัวที่ 3 เพื่อทำการล้างปั๊ม A และ B ในระหว่างการใช้งาน
5. สี 2K ที่ผสมเสร็จแล้วจ่ายเข้าไปที่ปืนพ่นสี
6. สารล้างที่ใช้แล้วจะถูกถ่ายเททิ้งลงถัง

ระบบผสมสีแบบคอมพิวเตอร์
ไม่ว่าจะเป็นระบบผสมของ WAGNER รุ่นไหนก็ตามต่างก็ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ที่ช่วยให้สี 2K ถูกผสมด้วยค่าที่แม่นยำและสม่ำเสมอตลอดการทำงานทำให้รักษาคุณภาพของชิ้นงานได้ดังนั้น ระบบผสมสี 2K ที่ ROM เสนอไม่ว่าจะเป็นรุ่น Twin Control (แบบเอกเทศ) และ 2K Flexible Unit Series (แบบประกอบปั๊มจ่ายสีเอง) ก็ใช้ตู้ควบคุมอิเล็คทรอนิกส์เป็นตัวตั้งค่าและควบคุมการทำงาน
ดังนั้นมั่นใจได้ว่าสี 2K 3K และ 4K ที่ผสมโดยอุปกรณ์ของ WAGNER จะช่วยให้ได้ส่วนผสมที่แม่นยำและจ่ายออกมาด้วยค่าที่สม่ำเสมอ
รูปแบบของระบบผสมสีในแต่ละรุ่น
WAGNER ได้พัฒนาระบบผสมสีออกมาเป็น 2 รูปแบบโดยมีลักษณะดังนี้
-
ระบบผสมสีแบบเอกเทศ (Stand Alone Unit System) โดยจะมาในรูปแบบของรุ่น Twin Control ที่ตัวควบคุมและตัวปั๊มจ่ายสีจะติดตั้งมาเป็นชุดเดียวกันโดยขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นปั๊มจ่ายสีรุ่นไหน โดยทั่วไปการใช้งานจะใช้ได้แค่สีเดียวตลอดการทำงาน เป็นรูปแบบที่ใช้ง่ายที่สุดเพราะทุกอย่างติดตั้งมาให้เรียบร้อยโดยตัวปั๊มจะแยกหน้าที่อย่างชัดเจนในการรับหน้าที่ลำเลียง A B และตัวทำละลายสำหรับชำระล้างดังนั้นชุดนี้จะมีปั๊มทั้งหมด 3 ตัวอยู่ในชุด
-
ระบบผสมสีแบบยืดหยุ่น (Flexible Unit System) ซึ่งรูปแบบนี้จะมาเฉพาะตัวเครื่องผสมอย่างเดียวแต่ต้องไปหาปั๊มจ่ายสีมาติดตั้งเองภายใต้สเปคเครื่องกำหนด ปัจจุบัน WAGNER จะมีอยู่ 2 รุ่นคือ 2K Comfort และ 2K Smart ซึ่งข้อแตกต่างกับแบบเอกเทศคือสามารถใช้สีหลายสี (ไม่เกิน 25 สีในระบบเดียวกัน) ได้โดยใช้เวลาเปลี่ยนสีที่รวดเร็วและใช้งานได้ต่อเนื่องทันทีซึ่งมีเฉพาะระบบผสมสีแบบยืดหยุ่นเท่านั้นที่ทำได้โดยเฉพาะโรงงานที่ต้องใช้สีหลายสีในการผลิตและสีที่ใช้เป็นสี 2K ดังนั้นระบบนี้แก้ปัญหาได้ถูกจุด

ระบบผสมสี 2K แบบยืดหยุ่น

ระบบผสมสี 2K แบบเอกเทศ
(มาพร้อมกับปั๊มลำเลียงของเหลว)

ระบบผสมสี 2K แบบยืดหยุ่น
(ต้องติดตั้งปั๊มจ่ายสีเอง)
ข้อมูลทางเทคนิคของระบบผสมสีในแต่ละรุ่น
ระบบผสมสี TWIN CONTROL
ระบบผสมสีแบบเอกเทศที่ใช้ปั๊มพ่นสีแรงอัดสูง 3 ตัว โดยแบ่งเป็นปั๊ม A (สี) ปั๊ม B (สารเร่งปฏิกิริยาแข็งตัว) และปั๊มตัวที่ 3 สำหรับสารล้าง (Cleaning Agent) เพื่อทำสี 2K โดยตู้ควบคุมไฟฟ้าที่ป้อนค่าผสมได้แม่นยำคงที่บันทึกสูตรผสมได้
ประเภทงานที่เหมาะสม: สำหรับงานที่กำหนดเป็นสี 2K และใช้งานในอัตราส่วนเดิมเป็นประจำ
ระบบผสมสีแบบยืดหยุ่นรุ่น 2K Smart
ระบบผสมสีแบบอัจฉริยะที่สามารถใช้สีได้มากถึง 5 สีโดยเป็นระบบที่รองรับการทำงานที่ต้องเปลี่ยนโทนสีในกระบวนการผลิตโดยที่ตัวควบคุมหลักยังเป็นตัวเดียวกันไม่เหมือนกับ Twin Control ที่จะต้องใช้ได้แค่สีเดียว สำหรับ 2K Smart ใช้เวลาเปลี่ยนสีจาก 5 สีนี้ภายในเวลาไม่ถึง 1 นาทีทำให้การทำงานคล่องตัวและประหยัดระยะเวลาการทำงานไปได้มาก นอกจากนี้ตัวระบบยังสามารถใช้ปืนพ่นสีพร้อมกันได้ถึง 2 กระบอก
ประเภทงานที่เหมาะสม: หากเงื่อนไขการทำงานมีใช้สีไม่เกิน 5 สีและจำนวนปืนที่ใช้งานมีไม่เกิน 2 กระบอกเท่านั้น
ระบบผสมสีแบบยืดหยุ่นรุ่น 2K Comfort
หาก 2K Smart ยังให้จำนวนสีไม่พอและปืน 2 กระบอกที่ใช้พร้อมกันยังไม่ตอบโจทย์มากนัก 2K Comfort คือระบบผสมสี 2K ที่ขยายขอบเขตการทำงานให้มากกว่าเดมโดยจำนวนสีที่ใช้สามารถใช้งานได้ถึง 25 สีโดยเปลี่ยนสีสลับไปมาได้ในเวลาภายใน 1 นาทีและทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้ระบบเดียวกันทำให้ 2K Comfort มีความยืดหยุ่นมากกว่า 2K Smart และยังสามารถใช้ปืนพ่นสีได้ 4 กระบอกพร้อมกันได้ไม่มีปัญหา
ประเภทงานที่เหมาะสม: สำหรับงานที่ใช้สี 2K หลายสีมากและต้องใช้ปืนพ่นสีมากถึง 4 กระบอกพร้อมกัน เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับอุตสาหกรรมหนักที่ใช้ผลิตช้ินงานจำนวนมาก